ภาพด้านบน, จากซ้ายไปขวา: Mike Drieseberg, Stéphane Bringues, Hamish Mitchell, Dave Donner, Ron Smith
การเข้าซื้อกิจการของบริษัท Chem Arrow ช่วยให้ Motul สามารถนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นแก่ลูกค้าปัจจุบัน และเพิ่มอิทธิพลในทวีปอเมริกา ที่ซึ่งสหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดของเหลวสำหรับงานโลหะที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่ากว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นำหน้าจีน การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ยังช่วยให้ MotulTech ขยายธุรกิจเป็นสองเท่า และได้เทคโนโลยีใหม่ที่จำเป็นสำหรับตลาดระบบทำความร้อน การระบายอากาศ และเครื่องปรับอากาศ (HVAC)
บริษัท Chem Arrow ก่อตั้งขึ้นในปี 1977 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมมีบริษัทลูกในแคนาดาและสหราชอาณาจักร บริษัทฯ พัฒนาและผลิตของเหลวสำหรับงานโลหะ น้ำมันหล่อลื่นสำหรับงานเฉพาะทาง และน้ำยาทำความสะอาดอุตสาหกรรม Chem Arrow เป็นผู้นำระดับโลกและผู้จัดจำหน่ายรายสำคัญในตลาดระบบทำความร้อน การระบายอากาศ และเครื่องปรับอากาศ (HVAC) กลุ่มผลิตภัณฑ์ HVAC ของ Chem Arrow ประกอบด้วยของเหลวสำหรับการปั๊มและดัดครีบ (fin stamping and bending fluids) ที่มีการปล่อยสารระเหยอินทรีย์ (VOC) ต่ำถึงเกือบเป็นศูนย์
Motul ที่มีประวัติยาวนานกว่า 170 ปีในด้านความเชี่ยวชาญทางเทคนิคทั้งเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย ได้รับการยอมรับในระดับโลกในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งสมรรถนะสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กลุ่มบริษัท Motul จึงกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในการพัฒนาของเหลวและน้ำมันหล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมและการเคลื่อนที่
ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทได้จัดจำหน่ายของเหลวสำหรับงานโลหะและน้ำมันหล่อลื่นสำหรับการบำรุงรักษาอุปกรณ์อุตสาหกรรม ภายใต้แบรนด์ MotulTech ซึ่งปัจจุบันจำหน่ายในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก
ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีด้านงานโลหะ และการเสริมความแข็งแกร่งในด้านภูมิศาสตร์ของทั้งสองบริษัท จะทำให้กลุ่มบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่กลายเป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดสำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนโลหะในภาคอุตสาหกรรม
การเข้าซื้อกิจการของ Chem Arrow ช่วยสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมของ Motul ที่มุ่งหวังรายได้ 200 ล้านยูโรภายในปี 2030 ซึ่งจะบรรลุผลผ่านการเข้าซื้อกิจการในตลาดและภูมิศาสตร์เชิงกลยุทธ์
“การเข้าซื้อกิจการของ Chem Arrow Corp. ถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์การเติบโตภายนอกของเรา เราเห็นโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือและพัฒนาร่วมกันกับผู้เล่นที่กำลังเติบโตรายนี้อย่างมาก
ซึ่งจะช่วยเสริมความรู้ความเชี่ยวชาญของเรา เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมของเรา”
กล่าวโดย สเตฟาน บริงก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MotulTech
แฮมิช มิทเชล ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Chem Arrow Corporation กล่าวว่า
“นี่คือโอกาสที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับตัวแทนจำหน่าย ลูกค้า และพนักงานของเรา
ซึ่งจะทำให้เราสามารถใช้ศักยภาพการเติบโตได้อย่างเต็มที่ เครือข่ายระดับโลกของ Motul จะช่วยเสริมความสามารถของ Chem Arrow ในการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ และทำให้เรามีฐานธุรกิจในระดับนานาชาติที่กว้างขวางขึ้น นอกจากนี้ ความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาของเราจะได้รับการเสริมทัพอย่างมาก ด้วยการเข้าถึงโรงงานผลิตที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ทั่วเอเชีย ยุโรป อินเดีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ เรามุ่งมั่นที่จะรักษาบุคลากรที่มีคุณค่าและมีความสามารถของเราไว้ และหวังว่าจะได้ต้อนรับเพื่อนร่วมงานชั้นยอดเพิ่มขึ้นอีก การรักษาพนักงานที่ยอดเยี่ยมซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนความสำเร็จของ Chem Arrow เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่เราให้ความสำคัญในการเจรจารวมกิจการครั้งนี้”
ภาพด้านบน, จากซ้ายไปขวา: Mike Drieseberg, Stéphane Bringues, Hamish Mitchell, Dave Donner, Ron Smith
การเข้าซื้อกิจการของบริษัท Chem Arrow ช่วยให้ Motul สามารถนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้นแก่ลูกค้าปัจจุบัน และเพิ่มอิทธิพลในทวีปอเมริกา ที่ซึ่งสหรัฐอเมริกาถือเป็นตลาดของเหลวสำหรับงานโลหะที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่ากว่า 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นำหน้าจีน การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ยังช่วยให้ MotulTech ขยายธุรกิจเป็นสองเท่า และได้เทคโนโลยีใหม่ที่จำเป็นสำหรับตลาดระบบทำความร้อน การระบายอากาศ และเครื่องปรับอากาศ (HVAC)
บริษัท Chem Arrow ก่อตั้งขึ้นในปี 1977 และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย พร้อมมีบริษัทลูกในแคนาดาและสหราชอาณาจักร บริษัทฯ พัฒนาและผลิตของเหลวสำหรับงานโลหะ น้ำมันหล่อลื่นสำหรับงานเฉพาะทาง และน้ำยาทำความสะอาดอุตสาหกรรม Chem Arrow เป็นผู้นำระดับโลกและผู้จัดจำหน่ายรายสำคัญในตลาดระบบทำความร้อน การระบายอากาศ และเครื่องปรับอากาศ (HVAC) กลุ่มผลิตภัณฑ์ HVAC ของ Chem Arrow ประกอบด้วยของเหลวสำหรับการปั๊มและดัดครีบ (fin stamping and bending fluids) ที่มีการปล่อยสารระเหยอินทรีย์ (VOC) ต่ำถึงเกือบเป็นศูนย์
Motul ที่มีประวัติยาวนานกว่า 170 ปีในด้านความเชี่ยวชาญทางเทคนิคทั้งเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย ได้รับการยอมรับในระดับโลกในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ทั้งสมรรถนะสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กลุ่มบริษัท Motul จึงกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในการพัฒนาของเหลวและน้ำมันหล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมและการเคลื่อนที่
ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทได้จัดจำหน่ายของเหลวสำหรับงานโลหะและน้ำมันหล่อลื่นสำหรับการบำรุงรักษาอุปกรณ์อุตสาหกรรม ภายใต้แบรนด์ MotulTech ซึ่งปัจจุบันจำหน่ายในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก
ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีด้านงานโลหะ และการเสริมความแข็งแกร่งในด้านภูมิศาสตร์ของทั้งสองบริษัท จะทำให้กลุ่มบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่กลายเป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดสำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนโลหะในภาคอุตสาหกรรม
การเข้าซื้อกิจการของ Chem Arrow ช่วยสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมของ Motul ที่มุ่งหวังรายได้ 200 ล้านยูโรภายในปี 2030 ซึ่งจะบรรลุผลผ่านการเข้าซื้อกิจการในตลาดและภูมิศาสตร์เชิงกลยุทธ์
“การเข้าซื้อกิจการของ Chem Arrow Corp. ถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์การเติบโตภายนอกของเรา เราเห็นโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือและพัฒนาร่วมกันกับผู้เล่นที่กำลังเติบโตรายนี้อย่างมาก
ซึ่งจะช่วยเสริมความรู้ความเชี่ยวชาญของเรา เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมของเรา”
กล่าวโดย สเตฟาน บริงก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ MotulTech
แฮมิช มิทเชล ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Chem Arrow Corporation กล่าวว่า
“นี่คือโอกาสที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับตัวแทนจำหน่าย ลูกค้า และพนักงานของเรา
ซึ่งจะทำให้เราสามารถใช้ศักยภาพการเติบโตได้อย่างเต็มที่ เครือข่ายระดับโลกของ Motul จะช่วยเสริมความสามารถของ Chem Arrow ในการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ และทำให้เรามีฐานธุรกิจในระดับนานาชาติที่กว้างขวางขึ้น นอกจากนี้ ความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนาของเราจะได้รับการเสริมทัพอย่างมาก ด้วยการเข้าถึงโรงงานผลิตที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ทั่วเอเชีย ยุโรป อินเดีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ เรามุ่งมั่นที่จะรักษาบุคลากรที่มีคุณค่าและมีความสามารถของเราไว้ และหวังว่าจะได้ต้อนรับเพื่อนร่วมงานชั้นยอดเพิ่มขึ้นอีก การรักษาพนักงานที่ยอดเยี่ยมซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนความสำเร็จของ Chem Arrow เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่เราให้ความสำคัญในการเจรจารวมกิจการครั้งนี้”
